วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2554

มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง

       มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2497 ในชื่อว่า "วิทยาลัยหมู่บ้านจอมบึง" ซึ่งได้ต้นแบบมาจาก Village Institute ของประเทศตุรกี โดย พลเอกมังกร พรหมโยธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในขณะนั้น เพื่อรับนักเรียนที่จบชั้นประถมศึกษาตอนปลายที่เรียนดีจากชนบททั่วประเทศ มาเป็นนักเรียนทุนเรียน 5 ปี จบประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ไปสอนในท้องถิ่นของตน ต่อมาได้รับการยกฐานะเป็นวิทยาลัยครู สถาบันราชภัฏ และมหาวิทยาลัยราชภัฏ ตามลำดับ

       ในปีการศึกษา 2547 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯทรงลงพระปรมาภิไธยในพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ซึ่งได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 1 ตอนที่พิเศษ 23 ก เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2547 มีผลให้สถาบันราชภัฏทุกแห่งเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2547 เป็นต้นไป สถาบันราชภัฏหมู่บ้านจอมบึงจึงมีชื่อใหม่เป็น มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ตามพระราชบัญญัตินั้นเป็นต้นมา


เขื่อนสิริกิติ์

          เขื่อนสิริกิติ์ หรือที่เรียกกันในชื่อท้องถิ่นว่า เขื่อนท่าปลา จัดเป็นเขื่อนดินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่ในอำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ กั้นแม่น้ำน่าน ที่ไหลลงมาจากอำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน เดิมอยู่ในความดูแลของกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายหลังได้ติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงาน และมอบให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นผู้รับผิดชอบดูแลต่อไป ทั้งนี้พื้นที่เหนือเขื่อนเป็นแอ่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดอุตรดิตถ์ด้วย

          เดิมเขื่อนนี้ เรียกชื่อว่า "เขื่อนผาซ่อม" ภายหลังได้รับพระบรมราชานุญาต ให้อัญเชิญพระนามาภิไธย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ขนานนามว่า "เขื่อนสิริกิติ์" เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2511 โดยก่อสร้างปิดกั้นแม่น้ำน่าน บริเวณเขาผาซ่อม ตำบลผาเลือด อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์

          ทั้งนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงวางศิลาฤกษ์เขื่อนสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 งานก่อสร้างตัวเขื่อนและองค์ประกอบได้แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2515

          ข้อมูลจำเพาะ
ชนิด หินทิ้งแกนดินเหนียว 
ความสูง 113.60 เมตร 
ความยาวที่สันเขื่อน 800.00 เมตร 
ความกว้างที่สันเขื่อน 12.00 เมตร 
ความกว้างที่ฐานเขื่อน 630.00 เมตร 
ระดับที่สันเขื่อน 169.00 เมตร รทก.


เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ

เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ

1. มหาพีระมิดแห่งกีซา ของกษัตริย์คูฟู ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ในอียิปต์ มีอายุราว 2,690 ปีก่อนคริสตกาล หรือเก่าแก่กว่านั้น เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เก่าแก่ที่สุด และยังคงปรากฏอยู่จนปัจจุบัน และมีสภาพค่อนข้างสมบูรณ์
2. สวนลอยแห่งบาบิโลน สร้างโดยพระเจ้าเนบูคาดเนสซาร์ที่ 2 เมื่อศตวรรษก่อนคริสตกาลที่ 6 ปัจจุบันไม่ปรากฏหลักฐานหรือซาก แต่คาดว่าน่าจะอยู่บริเวณเดียวกับกรุงบาบิโลนในประเทศอีรัก
3. เทวรูปซูสที่โอลิมเปีย ที่เมืองโอลิมเปีย ประเทศกรีก สร้างเมื่อประมาณ 462 ปีก่อนคริสตกาล สร้างและตกแต่งด้วยทองคำ งาช้าง และอัญมณีต่างๆ มีความสูง 12 เมตร ภายหลังแผ่นดินไหวเสียหายจนหมดสิ้น
4. วิหารอาร์เทอมีส (หรือ วิหารไดอานา) ที่เอเฟซุสในเอเชียไมเนอร์ (ประเทศตุรกี) สร้างขึ้นเมื่อศตวรรษก่อนคริสตกาลที่ 4 ภายหลังถูกทำลายโดยพวกโกธส์จากเยอรมันที่บุกเข้ามาโจมตี เมื่อปี พ.ศ. 805 ปัจจุบันพอเหลือซากอยู่บ้าง
5. สุสานแห่งฮาลิคาร์นัสเซิส ที่ฮาลิคาร์นัสซัสในเอเชียไมเนอร์ (ประเทศตุรกี) สร้างโดยพระราชินีอาร์เทมิเซีย เป็นอนุสรณ์สถานแก่กษัตริย์มอโซลุสแห่งคาเรียที่สวรรคตเมื่อ 353 ปีก่อนคริสตกาล ถูกทำลายโดยแผ่นดินไหวและต่อมานำไปใช้ในการก่อสร้างโดยอัศวินแห่งโรดส์ ปัจจุบันพอเหลือซากอยู่บ้าง
6. เทวรูปโคโลสซูส ในทะเลเอเจียน ประเทศกรีก เป็นรูปสำริดขนาดใหญ่ของสุริยเทพ หรือเฮลิเอิส สูงประมาณ 32 เมตร ถูกทำลายโดยแผ่นดินไหวหลังการสร้างเพียง 60 ปี ปัจจุบันไม่ปรากฏซาก
7. ประภาคารฟาโรส แห่ง อเล็กซานเดรีย ประเทศอียิปต์ สมัยพระเจ้าปโตเลมี ประมาณ 271 ปีก่อนคริสตกาล ถูกทำลายโดยสิ้นเชิงเมื่อแผ่นดินไหวในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 14 ปัจจุบันมีป้อมขนาดเล็กอยู่บนซากที่เหลือ


ดอกไม้ที่ใช้ในการไหว้ครู

ดอกไม้ที่ใช้ในการไหว้ครู

ในพิธีไหว้ครูนับตั้งแต่สมัยก่อน จะใช้ดอกไม้หลัก 3 อย่างในการทำพาน ซึ่งดอกไม้ ความหมายในการระลึกคุณครู ได้แก่
   1. หญ้าแพรก สื่อถึง ขอให้เรียนได้เร็วเหมือนหญ้าแพรก ที่โตได้เร็วและทนต่อสภาพดินฟ้า อากาศ ทนต่อการเหยียบย่ำ ซึ่งเปรียบเสมือน คำดุด่าของครูบาอาจารย์
   2. ดอกเข็ม สื่อถึง ขอให้มีสติปัญญาเฉียบแหลม เหมือนชื่อของดอกเข็ม
   3. ดอกมะเขือ สื่อถึง การเปรียบเทียบว่า มะเขือนั้น จะคว่ำดอกลงเสมอเมื่อจะออกลูก แสดงถึง นักเรียนที่จะเรียนให้ได้ผลดีนั้นต้องรู้จักอ่อนน้อม ถ่อมตน เป็นคนสุภาพเรียบร้อย เหมือนมะเขือที่โน้มลง
   4. ข้าวตอก เนื่องจากข้าวตอกเกิดจากข้าวเปลือกที่คั่วด้วยไฟอ่อนๆ ให้ร้อนเสมอกันจนถึงจุดหนึ่งที่เนื้อข้างในขยายออก จนดันเปลือกให้แยกออกจากกัน ได้ข้าวสีขาวที่ขยายเม็ดออกบาน ซึ่งสามารถนำไปประกอบพิธีกรรม หรือทำขนมต่างๆได้ ดังนั้น ข้าวตอกจึงเป็นสัญลักษณ์ของความมีระเบียบวินัย หากใครสามารถทำตามกฎระเบียบ เอาชนะความซุกซนและความเกียจคร้านของตัวเองได้ ก็จะเหมือนข้าวตอกสีขาวที่ถูกคั่วออกจากข้าวเปลือก


อัญมณีประจำราศี



ราศีมังกร (14 ม.ค. - 13 ก.พ.)
 
อัญมณีประจำราศี :
คือโกเมนสีแดง ซึ่งจะมีพลังช่วยเสริมดวงให้มีความแข็งกล้ามากยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มบารมีให้มีความสุขุมมากขึ้น
สีสันของอัญมณี :
ที่เหมาะกับคนราศีมังกรคือสีขาว สีเหลือง และสีเหลืองอ่อน
ด้านความรัก :
คนรักมักจะเป็นผู้ที่เกิดราศีพฤษภ ซึ่งคนราศีมังกรจะเป็นคนที่มีความรักซ่อนเร้น คือถ้ามีความรักก็ไม่ค่อยจะบอกให้ใครรู้ จนบางครั้งอาจกลายเป็นว่ารักเขาข้างเดียว ความรักอาจมีอุปสรรค และมีกระทบกระทั่งกันบ้าง หรืออาจจะถึงขั้นรุนแรงก็เป็นได้
ราศีกุมภ์ (14 ก.พ.-13 มี.ค.)
 
อัญมณีประจำราศี :
คือ แอเมทีสต์ ซึ่งจะช่วยเสริมสติปัญญาให้มีความฉลาดปราดเปรื่อง มีความคิดที่สร้างสรรค์ และช่วยปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากอบายมุข ทั้งหลายที่เข้ามายัวยุ
สีสันของอัญมณี :
ที่เหมาะกับคนราศีกุมภ์คือ สีเทา
ด้านความรัก :
คนรักมักจะเป็นผู้ที่เกิดราศีเมถุน ซึ่งคนราศีกุมภ์จะไม่ค่อยให้ความจริงจังในเรื่องของความรัก เป็นคนชอบใช้ความรักฟุ่มเฟือย ไม่ยอมที่จะให้ใครมาผูกมัดได้ง่ายๆ โดยจะคิดว่าถ้ามีครอบครัวจะทำให้ตัวเองต้องรับภาระหนักขึ้น คนราศีนี้จึงชอบที่จะใช้ชีวิตที่ตะรอนไปตามความสุขความสนุกไปวันๆ
ราศีมีน (14 มี.ค. – 13 เม.ย.)
 
อัญมณีประจำราศี :
คือ อะความารีน และบลัดสโตน ซึ่งจะมีพลังของความอ่อนโยนสดใส ทำให้มีความอดทน มองโลกในแง่ดี และช่วยเสริมดวงให้มีจิตใจที่บริสุทธิ์ ใสสะอาดปราศจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง
สีสันของอัญมณี :
ที่เหมาะกับคนราศีมีนคือ สีขาว
ด้านความรัก :
คนรักมักจะเป็นผู้ที่เกิดราศีกรกฎ ซึ่งคนราศีมีนมักจะมีจินตนาการถึงเรื่องความรักในแบบที่เลิศหรูไปหมด มองเพียงว่าความรักจะมีแต่ความสุขเท่านั้น ไม่คิดถึงอุปสรรคใดๆ ความรักจึงมักไม่สมหวัง และมักจะไม่ได้แต่งงานกับคนที่รัก
ราศีเมษ (14 เม.ย. – 13 พ.ค.)
 
อัญมณีประจำราศี :
คือ เพชร และ เพทายขาว ซึ่งจะสามารถเสริมดวงให้มีบารมีน่าเกรงขาม ซึ่งจะมีความสอดคล้องกับนิสัยของคนราศีนี้ที่ชอบเป็นผู้นำ
สีสันของอัญมณี :
ที่เหมาะกับคนราศีเมษคือ สีแดง และสีเลือด
ด้านความรัก :
คนรักมักจะเป็นผู้ที่เกิดราศีสิงห์ เวลาที่ตกอยู่ในความรักมักจะเกิดความกล้าหาญใจกล้า พร้อมที่จะเผชิญกับความรักอย่างห้าวหาญ เพราะเรื่องความรักของคนราศีนี้มักจะมีอุปสรรคทุกครั้งไป แต่โชคดีที่เป็นคนที่สู้จึงไม่ยอมถอยหลังหนีกับเรื่องนี้ง่ายๆ
ราศีพฤษภ (14 พ.ค. – 13 มิ.ย.)
 
อัญมณีประจำราศี :
คือ มรกต หยกสีเขียว และทัวร์มาลีนสีเขียว ซึ่งจะมีพลังอำนาจ พลังแห่งความกล้าหาญ พลังแห่งความศรัทธา และสามารถป้องกันภัยอันตรายทั้งปวงได้
สีสันของอัญมณี :
ที่เหมาะกับคนราศีพฤษภคือ สีขาว
ด้านความรัก :
เป็นคนที่ตกอยู่ในห้วงของความรักได้ง่าย และจะยึดเหนี่ยวในความรักอย่างงมงาย เสียเวลาให้กับความรักเป็นเวลานาน คนรักส่วนมากจะเป็นคนราศีกันย์
ราศีเมถุน (14 มิ.ย. – 13 ก.ค.)
 
อัญมณีประจำราศี :
คือ ไข่มุก มุกดาหาร และ เจ้าสามสี ซึ่งจะมีพลังของความบริสุทธิ์สะอาด และความมั่นคง จะช่วยเสริมดวงให้ชัดเจน และสดใสมากขึ้น ช่วยลดอารมณ์ที่ชอบแปรปรวนให้หมดสิ้น
สีสันของอัญมณี :
ที่เหมาะกับคนราศีเมถุนคือ สีเขียวใบไม้
ด้านความรัก :
คนรักมักจะเป็นผู้ที่เกิดราศีตุลย์ ซึ่งบุคคลที่เกิดราศีเมถุนจะเป็นคนที่มีความรักมั่นคง จริงจัง และจริงใจ สามารถให้ความสุข และความรักแก่คู่รักได้เป็นอย่างดี
ราศีกรกฎ (14 ก.ค. – 13 ส.ค.)
 
อัญมณีประจำราศี :
คือ ทับทิม และสปิเนลสีแดง ซึ่งจะมีพลังทำให้มีสุขภาพดี ลดความตรึงเครียด และคลายอาการที่ชอบคิดมากให้ลดน้อยลง
สีสันของอัญมณี :
ที่เหมาะกับคนราศีกรกฎคือ สีแดงปนขาว สีแดงจางๆ สีชมพู
ด้านความรัก :
คนรักมักจะเป็นผู้ที่เกิดราศีพิจิก บุคคลราศีกรกฎค่อนข้างจะมีความรู้สึกแรงกล้าในเรื่องความรัก เป็นคนที่มีอารมณ์รักที่จริงจัง และเคร่งเครียด มีความรักที่ซื่อสัตย์ และมั่นคงต่อคนที่รักเป็นอย่างมาก
ราศีสิงห์ (14 ส.ค. – 13 ก.ย.)
 
อัญมณีประจำราศี :
คือ เพทาย คาร์นีเลียน ไพฑูรย์ ซึ่งจะมีพลังของความสง่างาม ความมีบุคลิกภาพที่ดี ทำให้เป็นที่รัก เป็นที่ยกย่องของคนอื่น และเป็นผู้นำที่เปี่ยมไปด้วยบารมี
สีสันของอัญมณี :
ที่เหมาะกับคนราศีสิงห์คือ สีดำ และสีแดงจางๆ
ด้านความรัก :
คนรักมักจะเป็นที่ผู้เกิดราศีธนู ซึ่งคนที่เกิดราศีสิงห์มักจะเป็นผู้ที่ประสบปัญหาในเรื่องความรัก มักไม่พบกับรักที่แท้จริง ขาดความฉลาดในเรื่องของความรัก มักไม่มีความสุขในเรื่องรักๆ มากนัก
ราศีกันย์ (14 ก.ย. – 13 ต.ค)
 
อัญมณีประจำราศี :
คือ เขียวส่อง แซปไฟร์ทุกสีไพลิน และบุษราคัม ซึ่งจะเปรียบเสมือน เครื่องรางของคลังคุ้มครองให้แคล้วคลาด จากการถูกปองร้าย หรืออุบัติเหตุทั้งปวง
สีสันของอัญมณี :
ที่เหมาะกับคนราศีกันย์คือ สีรุ้ง
ด้านความรัก :
คนรักมักจะเป็นผู้ที่เกิดราศีมังกร ซึ่งคนราศีกันย์จะมีสามัญสำนึกของความรัก โดยจะต้องมั่นใจว่าอีกฝ่ายจริงใจเสียก่อน จึงจะยอมมอบใจให้ โดยส่วนมากความรักจะได้รับจากอีกฝ่ายที่เป็นคนรัก ซึ่งการที่จะตัดสินใจรักใครสักคนต้องใช้เวลานานพอสมควร รอจนกว่าจะแน่ใจว่าเป็นคนที่จะมอบใจให้จริงๆ
ราศีตุลย์ (14 ต.ค – 13 พ.ย.)
 
  อัญมณีประจำราศี : คือ โทแพซสีเหลือง ซิทริน และบุษราคัม ซึ่งจะมีอำนาจเสริมดวงให้มีความสดชื่น มี
                                  ความ กล้าหาญ ความเด็ดเดี่ยว และทำให้เกิดปัญญาที่รอบรู้ หลักแหลม
      สีสันของอัญมณี : ที่เหมาะกับคนราศีพิจิกคือ สีทองคำ
          ด้านความรัก : คนรักมักจะเป็นผู้ที่เกิดราศีมีน ซึ่งคนราศีพิจิกความรักถือเป็นเรื่องที่เลิศหรู และสวยงาม
                                  เป็นคนที่มีความซื่อสัตย์ต่อความรัก และจะจงรักภักดีต่อคนรักอย่างจริงใจ แต่คนราศีนี้
                                  ค่อนข้างจะโชคร้าย เพราะอาภัพในเรื่องของความรัก และจะเจอแต่ความผิดหวังไม่ต่ำ
                                  กว่า 2 ครั้ง ซึ่งถ้าผ่านตรงจุดนี้ไปได้ก็จะพบกับรักที่แท้จริงในภายหลัง
ราศีพิจิก (14 พ.ย. – 13 ธ.ค.)
 
อัญมณีประจำราศี :
คือ โอปอล ทัวร์มาลีนสีแดง ซึ่งจะส่งเสริมให้มีพลังอำนาจ และมีโชคดีอยู่เสมอ
สีสันของอัญมณี :
ที่เหมาะกับคนราศีตุลย์คือ สีดำ
ด้านความรัก :
คนรักมักจะเป็นผู้ที่เกิดราศีกุมภ์ ซึ่งคนราศีตุลย์จะมีความรัก และความปรารถนาที่จริงใจต่อคนรัก และพร้อมที่จะให้ความรักจนหมดใจเลยทีเดียว
ราศีธนู (14 ธ.ค. – 13 ม.ค.)
 
อัญมณีประจำราศี :
คือ เทอร์คอยส์ และเพทายสีฟ้า จะมีพลังอำนาจเสริมดวงให้มีความสุขุมเยือกเย็นยิ่งขึ้น จะทำให้ประสบความสำเร็จได้อย่างที่คิดไว้ และช่วยเสริมบารมีชีวิตที่ก้าวไกลยิ่งขึ้น
สีสันของอัญมณี :
ที่เหมาะกับคนราศีธนูคือ สีเหลือง
ด้านความรัก :
คนรักมักจะเป็นผู้ที่เกิดราศีเมษ ซึ่งคนราศีธนูจะเป็นคนที่อารมณ์ของความรักที่รุ่นแรง ความรักมักไม่มีจุดมุ่งหมาย คือใช้ชีวิตไปวันๆ ความรักจึงไม่ค่อยราบรื่นมากนัก

สูตรหุ่นดีกับ 4 วิธีง่ายๆ

**สูตรหุ่นดีกับ 4 วิธีง่ายๆ** 

1.พยายามไม่ทานอะไรอีกหลัง 14.00 น. หรืออย่างช้าที่สุด 18.00 น. นั่นคือถ้าคุณต้องทานอาหารเย็น จะต้องทานให้เสร็จก่อน 18.00 น.แล้วหลังจากนั้นห้ามทานอะไรอีก จากน้ำเปล่า

2.อย่าระบายความโกรธหรือความหงุดหงิดของคุณไปกับของขบเคี้ยว เพราะจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

3.ตั้งปฏิญาณไว้ว่าจะไม่ทานช็อกโกแลตและไอศกรีมตลอดทั้งสัปดาห์ และพยายามทำให้ได้ อย่าเผลอเด็ดขาด เพราะขนมที่หวานและเย็นอย่างไอศกรีมจะทำให้ทานได้เยอะ

4.สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทานเมื่อคุณหิวเท่านั้น ไม่ใช่ทานเพื่อตอบสนองความอยาก


สาเหตุ ของความอ้วน มีได้หลายประการ

สาเหตุ ของความอ้วน มีได้หลายประการ เช่น

พันธุกรรม
สภาพสังคมและวัฒนธรรมซึ่งเกี่ยวข้อง กับการบริโภคภาวะผิดปกติในร่างกาย หรือโรคบางชนิด เช่น Hypothyroidism,Cushing Syndromeผลจากการใช้ยาบางประเภท ก็มีผลข้างเคียงให้อ้วนได้ เช่น ยาต้านการซึมเศร้า บางตัวเช่น Amitryotyline หรือยา ต้านรักษาโรคจิตบางตัว เช่น (Chlorpromazine ,Lithium) หรือพวก Corticosteroids (สเตียรอยด์) และ Cyproheptadine เป็นต้น

หลักการลดความอ้วน
หลักการสำคัญ ในการลดความอ้วน หรือไขมันส่วนเกิน คือการลดพลังงานจากอาหารที่กินเข้าไป และ เร่งการใช้พลังงานหรือเผาผลาญพลังงานของร่างกายให้เพิ่มขึ้น หรือควบไปด้วยกันทั้งสองอย่างเพื่อ ประสิทธิภาพสูงสุด

A.เพิ่มการใช้พลังงาน            
ทำได้โดยการออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยให้ มีการใช้พลังงาน(แคลลอรี่)เพิ่มขึ้น และหมดไป ทำให้ เนื้อเยื่อไขมันที่สะสมอยู่ตามที่ต่างๆถูกดึงออกมาใช้ และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อมาแทน ซึ่งบางครั้งอาจจะทำให้มวลของกล้ามเนื้อ เพิ่มขึ้นมาแทน แต่กล้ามเนื้อมีความหนาแน่นมากกว่าไขมัน ดังนั้น แม้น้ำหนักตัวจะลดไปไม่มากนัก แต่รูปร่างจะกระชับดีขึ้นหลักการ การออกกำลังกาย ที่ให้ผลดี ควรจะเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิค(ออกกำลังกายโดยกล้ามเนื้อเผลาผลาญแคลลอรี่โดยใช้อ๊อกซิเจน) ที่ง่ายและได้ผลดี คือการวิ่ง หรือเดินเร็ว โดย คนที่สุขภาพปกติ ให้ออกกำลังกายต่อเนื่องประมาณ 20-30 นาที ไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยระหว่างออกกำลังกาย ควรรักษาระดับชีพจรให้อยู่ ในระดับเป้าหมาย คือ 70-80% ของชีพจรสูงสุดโดยอัตราชีพจรสูงสุด คิดได้ จาก 220 - อายุเป็นปี สำหรับผู้เริ่มออกกำลังกาย ใหม่อาจจะใช้อัตราที่ต่ำกว่า คือให้หัวใจเต้นระหว่าง 50-60% ของชีพจรสูงสุดก่อนก็ได้ ก่อนที่จะค่อยๆเพิ่มจนถึง ชีพจรเป้าหมาย

การวัดชีพจรแบบง่ายๆ ทำได้โดยการใช้นิ้วชี้และนิ้วกลาง แตะเบาๆ บริเวณข้อมือ ของมืออีกข้าง ทางด้านข้างของข้อมือในแนว ที่ตรงกับร่องระหว่างนิ้วชี้ และนิ้วกลางของมือข้างนั้น แล้วรับรู้จังหวะการเต้นของเส้นเลือด(ชีพจร) ที่ข้อมือนั้น โดยนับจำนวนครั้ง ใน 15 นาที แล้ว คูณด้วย 4 จะได้ เป็นอัตราการเต้นของหัวใจต่อ นาที
วิธี การออกกำลังกาย จะเลือกวิธีไหน ก็ได้ ตามความเหมาะสม และความชอบ ของแต่ละคน ตั้งแต่การเดินเร็ว, จ๊อกกิ้ง ,โดดเชือก ,วิ่งบนลู่วิ่ง ,เต้นแอโรบิค ที่สำคัญคือ ควรทำแบบต่อเนื่อง และไม่หักโหม


B การลดพลังงานที่กินเข้าไป
หรือการควบคุมอาหาร เป็นการลดที่ได้ผลดี ควรลดลงช้าๆ โดยน้ำหนักที่ลดในระยะเริ่มต้นหกเดือนแรก ไม่ควรเกิน 5-10% ของน้ำหนักตัว แล้วรักษาน้ำหนักให้คงที่ระยะหนึ่ง ค่อยลดเพิ่มต่อไป
การที่จะลดน้ำหนัก ตัวลง 1-2 กก.ในหนึ่งเดือน ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานประมาณ 7000-14000 Kcal หรือต้องคุมอาหารที่กินให้น้อยลง ประมาณ 250-500Kcal ต่อวัน